หมกมุ่นแค่ไหนจึงจะใกล้การเรียกว่าเสพติดศัลยกรรม
กระแสสังคมตอนนี้เปลี่ยนไปจากสี่ห้าปีที่แล้วมาก ทั้งหญิงทั้งชายต่างอยากดูดีขึ้น บางคนก็รู้จักหยุดในสิ่งที่ตัวเองต้องการแต่บางครั้งกลับหยุดไม่อยู่ ทำแล้วทำอีกเหมือนคนย้ำคิดย้ำทำสุดท้ายกลายเป็นเสพติดศัลยกรรมโดยไม่รู้ตัว
ขอผมยกตัวอย่างที่เป็นเคสที่ดังมากๆที่อเมริกาเมื่อสี่ปีที่แล้ว คือนางเอกสาวHeidi Montag ดาราวัยรุ่นในขณะนั้นซึ่งก็จัดว่าหน้าตาดีมากและงานแสดงก็เริ่มดังมากขึ้น ต่อมาเธอเกิดความกดดันคิดว่าตัวเองยังสวยไม่พอ ไปทำศัลยกรรมทั้งหน้า จมูก ใบหู ริมฝีปาก เสริมหน้าอก ดูดไขมัน ไม่นับการฉีดฟิลเลอร์ ฉ๊ดBotoxอีกนับไม่ถ้วน ที่ดังมากๆคือการที่เธอเข้ารับการรักษาและได้รับการผ่าตัด12อย่างในวันเดียว
ในปัจจุบันเธอได้ให้สัมภาษณ์เสียใจกับสิ่งที่ทำและถ้าย้อนเวลากลับไปได้คงไม่ทำในสิ่งที่เธอได้ทำไป (ปัจจุบันไม่ดังเหมือนแต่ก่อนแล้ว) เธอรู้สึกว่าเธอไม่perfectพอในตอนนั้นร่วมกับการได้ข้อมูลว่าศัลยกรรมเป็นเรื่องง่ายเจ็บตัวเล็กน้อยและทุกอย่างคงจะไปได้สวยแบบสบายๆ แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ การต้องการเปลี่ยนแปลงอีกนิดเดียวนี่เเหละที่ทำยากที่สุด และการสวยง่ายๆก็ไม่มีอยู่จริง การผ่าตัดทุกอย่างต้องมีการพักฟื้นและไม่มีทางรับประกันผลได้100% แต่ที่บอกได้แน่ๆคือหลังการศัลยกรรมทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม
การทำที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับทั้งแพทย์และคนไข้ ซึ่งในปัจจุบันก็น่าเป็นห่วงที่มีแพทย์จำนวนไม่่น้อยแทนที่จะให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับกลายเป็นการเชียร์ให้คนไข้ทำนู้นทำนี่เพื่อเป็นการขายของไปเสียอีก พอรวมกับคนไข้ที่อยากสวยอยากหล่อแล้ว ก็กลายเป็นการรักษาที่ไม่มีประโยชน์ ทั้งการฉีดวิตามินหรือกลูต้าเข้าเส้น ฯลฯ
สุดท้ายสำคัญที่สุดที่ใจเราครับ มีคนที่คิดได้หยุดการทำศัลยกรรมแล้วหันมาดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย ทานอาหารดีดี พักผ่อนเพียงพอ ใจสงบสบาย สุดท้ายมีความสุขมากกว่าเดิมและสวยกว่าการทำศัลยกรรมไม่สิ้นสุดด้วย เราต้องรู้จักพอและหมอเองก้อต้องรู้จักบอกให้คนไข้พอด้วยเช่นกัน